การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) คืออะไร

by

— last updated:

first published:

Bangkok from the International Space Station

แต่ละวัน เราย่อมมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เดินไปทานข้าว ขับรถไปรับลูก ทำงานอยู่บนตึก เป็นต้น บางคนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวตลอดเวลา ตัดสินใจได้เฉียบคม ในขณะที่บางคนอาจไม่รู้สถานการณ์ต่างๆ รอบตัว ไม่สามารถคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง วันนี้มาแนะนำให้รู้จักคำว่า การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) หรือ (Situational Awareness) ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

1. Situation Awareness (SA) คืออะไร

คำว่า “การตระหนักรู้สถานการณ์” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Situation Awareness” หรือ “Situational Awareness” ได้ถูกให้คำนิยามครั้งแรกโดย Dr. Mica Endsley ในปี 1988 ไว้ว่า

“The perception of elements in the environment within a volume of time and space, the comprehension of their meaning, and the projection of their status in the near future.”

หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า

การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) คือ “การรับรู้ถึงองค์ประกอบต่างๆ ในสภาพแวดล้อม ภายในขอบเขตของเวลาและพื้นที่ ทำความเข้าใจองค์ประกอบเหล่านั้น และคาดการณ์ผลที่อาจเกิดขึ้นขององค์ประกอบเหล่านั้นในอนาคตอันใกล้”

หรือ พูดง่ายๆ การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) คือ การที่เรารับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวเรา เข้าใจ และ คาดการณ์ผลที่อาจเกิดขึ้นได้

การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) ก็คือ การที่เรารับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวเรา เข้าใจ และ คาดการณ์ผลที่อาจเกิดขึ้นได้

โสภณ แย้มกลิ่น (Sophon Yamklin)

2. ตัวอย่าง Situation Awareness

ถ้าดูความหมายของ การตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) จะพบว่ามนุษย์มีทักษะการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว ทำความเข้าใจ และคาดการณ์ผลมาตั้งแต่โบราณแล้ว

เช่น ขณะมนุษย์ไปล่าสัตว์ ต้องรู้ว่าอากาศรอบตัวเป็นยังไง ฝนตก แดดออก สัตว์อะไรอยู่แถวนั้นบ้าง สัตว์เดินไปไหนบ้าง เข้าใจว่าสัตว์มันเดินไปทำไม ถ้ามันเดินไปตรงนั้น จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแม่มันเดินมาด้วยจะเกิดอะไรขึ้น เป็นต้น

ต่อมาก็มีการใช้ Situation Awareness หลากหลายในสถานการณ์ เช่น

  • การทหาร ทหารต้องรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คาดการณ์ผลที่จะเกิดขึ้นได้
  • นักบิน นักบินต้องรู้สภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ความสูง ความดัน ความเร็ว เข้าใจสถานการณ์ คาดการณ์ผลได้ เช่น ถ้าเครื่องยนต์ดับไปเครื่องนึง จะเกิดอะไรขึ้น ต้องทำยังไงต่อ เป็นต้น
  • การขับขี่ หลายๆ ประเทศให้คนสอบใบขับขี่อบรมเรื่อง Situation Awareness ด้วย เช่น ถ้าจอดรถริมทาง จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ได้ยินเสียงรถฉุกเฉินต้องทำอย่างไร เป็นต้น
  • ฯลฯ

ซึ่งปัจจุบัน มีการใช้ Situation Awareness ในหลายบริบท โดยเฉพาะด้านกลยุทธ์ธุรกิจ การบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งไว้ผู้เขียนจะมาเล่าต่อไปครับ

3. องค์ประกอบของ Situation Awareness โดย Endsley Model

Dr. Mica Endsley ซึ่งเป็นคนคิดทฤษฏี Situation Awareness ได้เสนอ Endsley Model เพื่ออธิบาย SA ไว้ดังนี้ครับ

Endsley's Situation Awareness Model (ขอบคุณภาพจาก ResearchGate)
Endsley’s Situation Awareness Model (ขอบคุณภาพจาก ResearchGate)

โดย Situation Awareness แบ่งได้เป็น 3 ขั้นตอน หรือ 3 ระดับ คือ

Situation Awareness Level 1 (SA1): การรับรู้ (Perception)

ระดับแรกของการตระหนักรู้สถานการณ์ คือ “การรับรู้” ถึงสภาพแวดล้อม หรือ องค์ประกอบสำคัญในสภาพแวดล้อม ซึ่งขั้นการรับรู้ เป็นสิ่งพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการตระหนักรู้สถานการณ์ เพราะถ้าเราขาดการรับรู้ที่ ถูกต้อง และ ครบถ้วน เราจะเข้าใจสถานการณ์ในขั้นต่อไป ที่ผิดพลาดไปเรื่อยๆ ครับ

ลองยกตัวอย่างการรับรู้ ที่พวกเราน่าจะคุ้นชินกัน คือ การขับรถ

เวลาเราขับรถ เราต้องรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวครับ เช่น

  • มีรถอะไรขับอยู่รอบตัวเราบ้าง ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง ห่างจากเราเท่าไหร่ ขับเร็ว ขับช้าอย่างไร
  • มีคนเดินเท้า คนขี่มอเตอร์ไซด์ อยู่ตรงไหนบ้าง
  • ปัจจุบันรถเราความเร็วเท่าไหร่
  • น้ำมันเหลือเยอะไหม
  • ฯลฯ

Situation Awareness Level 2 (SA2): ความเข้าใจ (Comprehension)

เมื่อเรา “รับรู้” สถานการณ์แวดล้อมจาก SA1 มาแล้ว ในขั้นถัดไป เราต้อง “สังเคราะห์” ข้อมูลที่รับมา เพื่อสร้างความเข้าใจ ความหมาย ของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันได้ พูดในภาษา IT คือ การแปลง data เป็น information หรือ information เป็น knowledge ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้กันเลย

กระบวนการสร้างความเข้าใจนั้น ต้องมีการฝึกฝน จึงจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายๆ แหล่งแล้วตีความเป็นความเข้าใจได้ รวมถึงการตีความ การจัดลำดับความสำคัญ การประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อะไรด่วน อะไรไม่ด่วน อะไรอันตรายมาก อะไรอันตรายน้อย อะไรควรระวังเป็นพิเศษ ฯลฯ

ถ้ายกตัวอย่างการขับรถต่อ การทำความเข้าใจสถานการณ์ (Comprehension) จะเป็นแนว

  • รถด้านหลังขับซิ่งมาก แซงปาดซ้ายขวามาสักพักแล้ว อันตรายมากกว่าปกติเพราะตอนนี้ฝนตก
  • คนขี่จักรยานมีความเสี่ยงที่จะล้มสูง เพราะถนนเปียกจากฝนตก
  • ทางแยกข้างหน้ามีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ เพราะไม่มีไฟแดง
  • น้ำมันรถเหลือระดับนี้ น่าจะขับได้ไม่เกิน 20 กิโลเมตร
Situation Awareness (การตระหนักรู้สถานการณ์) มีความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับรถในทุกๆ วัน
Situation Awareness (การตระหนักรู้สถานการณ์) มีความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับรถของทุกคน ในทุกๆ วัน

Situation Awareness Level 3 (SA3): การคาดการณ์ (Projection)

ระดับที่สาม (SA3) ระดับสุดท้ายของ Situation Awareness คือ การคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้ มีภาพอนาคตและละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในใจ วางแผนการจัดการความเสี่ยงระดับต่างๆ วางแผนการรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อจะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในขั้นถัดไป

สำหรับการขับรถยนต์ การคาดการณ์ (Projection) เช่น

  • รถคันหลังที่ซิ่งมาด้านซ้าย น่าจะแซงซ้ายรถเราในอีกไม่ช้า และช่องว่างระหว่างรถเรากับรถเลนซ้ายมีน้อย ดังนั้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุแซงไม่พ้นได้
  • คนขี่จักรยานอาจจะล้มได้ตรงแหล่งน้ำข้างหน้า หรือ เปลี่ยนเลนกระทันหันเพื่อหลบแอ่งน้ำตรงนั้นได้
  • ทางแยกข้างหน้าไม่มีไฟแดง มีโอกาสที่รถฝั่งโน้นอาจจะไม่ชะลอรถ และถ้าเราจะชะลอรถ เราก็ควรต้องรีบชะลอรถแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าไปชะลอใกล้ๆ อาจจะโดนชนท้ายได้ หรือ ถ้าไม่ชะลอเลย อาจจะชนกับรถที่แยกนั้นได้
  • น้ำมันรถเหลือระดับนี้ น่าจะขับได้ไม่เกิน 20 กิโลเมตร เราต้องมองหาปั้มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันเร็วๆ นี้

การตัดสินใจ (Decision)

เมื่อเราตระหนักรู้สถานการณ์ต่างๆ ครบทั้ง 3 ระดับแล้ว เราจะนำข้อมูลปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ มาใช้ในการตัดสินใจ

สำหรับกรณีขับรถ คือ เราตัดสินใจลดความเร็วรถเรา เพื่อให้รถเราไม่ขับขนานกับรถด้านซ้าย เพื่อเปิดช่องว่างให้รถซิ่งคันนั้นแซงไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ และ เราจะเว้นระยะห่างจากจักรยานคันหน้าซ้ายนั้นให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะตรงแอ่งน้ำข้างหน้า จักรยานคันนั้นอาจเปลี่ยนเลนเพื่อหลบน้ำกระทันหันที่อาจชนเราได้ และเราต้องเตรียมขับรถช้าลงเพื่อออกทางขนาน เพราะจะต้องเติมน้ำมันแล้ว

จะเห็นว่า แค่การขับรถปกติในทุกๆ วัน เราต้องมี Situation Awareness ต้องตระหนักรู้สถานการณ์ทั้ง 3 ระดับตลอดเวลา ตัดสินใจอย่างรวดเร็วตลอดเวลา จึงจะขับรถได้อย่างปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนก็ทำได้เลย ในขณะที่บางคนต้องฝึกฝน ซึ่ง Situation Awareness ขึ้นอยู่ปัจจัยอื่น 2 ปัจจัยหลักครับ

4. ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Situation Awareness

การที่ แต่ละคนมีความสามารถตระหนักรู้สถานการณ์ได้ต่างกัน มาจากปัจจัยหลัก 2 ส่วน คือ จากภายใน คือ ปัจจัยส่วนบุคคล (Individual Factors) และ จากภายนอก คือ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก (Environmental Factors) ดังนี้

ปัจจัยส่วนบุคคล (Individual Factors)

การที่เรามี Situation Awareness ที่ดี หรือ ไม่ดี เกิดจากปัจจัยของตัวเราเอง เช่น

ประสบการณ์

บางทีเรารับรู้สัญญาณแบบนี้ เราแทบจะรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น และต้องตัดสินใจอย่างไร เช่น หมอที่เชี่ยวชาญบางโรคเยอะๆ เจอสัญญาณโรคนิดเดียว สามารถรู้เลยคนไข้ป่วยเป็นอะไร แบบหมอจบใหม่บางคนงงว่ารู้ได้ไง

ความรู้ ความเชี่ยวชาญ

ยิ่งเรามีความรู้ และ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องนั้นๆ แค่ไหน เราสามารถรับรู้ เข้าใจ คาดการณ์ และ ตัดสินใจ ได้มากกว่าคนที่ไม่มีความรู้เฉพาะทาง เช่น หมอที่เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง เห็นรอยแบบนี้รู้เลยว่าเป็นโรคอะไร

ความสามารถด้านข้อมูล

ความสามารถประมวลผลข้อมูลของเราดีแค่ไหน เรามีความสามารถจำเรื่องต่างๆ ได้นานแค่ไหน เรื่องอะไรบ้าง เรามีความสามารถในการแบ่งการรับรู้ข้อมูลมากๆ พร้อมกันไหม

สภาวะส่วนบุคคล

สภาวะของคนคนนั้น ณ ตอนที่ต้องตัดสินใจ เช่น ตอนนั้นเหนื่อยหรือเปล่า ง่วงหรือเปล่า (ถ้าง่วง ถ้าเหนื่อย แล้วมาขับรถ ก็จะมี situation awareness น้อย) เครียดแค่ไหน (ยิ่งเครียด ยิ่งมี situation awareness น้อย คือไปโฟกัสเฉพาะเรื่องบางเรื่อง โดยละเลยเรื่องอื่นๆ) หรือทักษะ ความฉลาด ในการประมวลผลต่างๆ

เมื่อคุณง่วง Situation Awareness ของคุณจะลดลง
Situation Awareness คืออะไร : เมื่อคุณง่วง Situation Awareness ของคุณจะลดลง

ปัจจัยสภาพแวดล้อม (Environmental Factors)

ปัจจัยภายนอก คือ สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราที่ส่งผลถึง Situation Awareness ครับ เช่น

ระบบการแสดงผล

ถ้าระบบการแสดงผลดี เช่น ดูง่าย เตือนง่าย ก็จะช่วยให้การตระหนักรู้สถานการณ์ดีขึ้น ลองนึกภาพถ้าเราจะดูระดับน้ำมันรถ แต่ดูยาก เราก็ไม่รู้ว่า เนี่ย น้ำมันใกล้จะหมดแล้วนะ ส่งผลให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้

สิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าปัดรถยนต์ คือ สิ่งที่ผู้ออกแบบระบบวิเคราะห์มาแล้ว ว่าเป็นสัญญาณที่สำคัญ ที่ผู้ขับรถต้องรู้มาแสดงจ่อให้เห็นกันตรงหน้าเลย เช่น ความเร็ว รอบเครื่อง อุณหภูมิเครื่องยนต์ เป็นต้น

นี่ยังรวมไปถึงมีสัญญาณเตือนหากเกิดวิกฤตไหม เช่น น้ำมันใกล้หมด จะเตือนยังไง ใช้ไฟ? ใช้เสียง? เป็นต้น

สภาพแวดล้อมการทำงาน

เช่น ต้องรีบตัดสินใจในตอนนั้น กดดันมาก แบบนี้จะรับรู้สภาพแวดล้อมได้ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง การทำความเข้าใจ และ ความสามารถในการคาดการณ์ก็ลดลง การตัดสินใจก็มีประสิทธิภาพน้อยลง

สภาพแวดล้อม เช่น ปริมาณข้อมูลเยอะมาก จนคนเลือกไม่ถูกว่าต้องดูอัน (ลองนึกว่าถ้ามีจอแสดงผล 30 อันหน้ารถ เราก็จะงงว่าจะดูอันไหน) หรือ สภาพแวดล้อมทั่วๆ ไป เสียงดังเกิน แสงสว่างน้อยไป สว่างมากไป ร้อนไป เย็นไป ทุกอย่างล้วนมีผลต่อ Situation Awareness ทั้งนั้น

สภาพแวดล้อมอาจจะรวมไปถึงทีมงานด้วยก็ได้ เช่น ทีมงานเข้าใจเรื่อง Situation Awareness แค่ไหน หรือ ไม่มีใครตระหนักเลย คิดว่าเราบ้าอยู่คนเดียว หรือ การสื่อสารในทีม โครงสร้างอำนาจต่างๆ มีผลต่อการตระหนักรู้สถานการณ์ทั้งสิ้น

ความซับซ้อนของสถานการณ์

ถ้าสถานการณ์มันซับซ้อน หรือต้องวรีบตัดสินใจเร็วมาก ก็จะส่งผลต่อ Situation Awareness เช่น ถ้าขับเร็วมากเกินไป จนต้องรีบตัดสินใจเสี้ยววินาทีนั้นว่าจะเบรกหรือจะเปลี่ยนเลน ก็อาจรับรู้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เช่น ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซด์ที่อยู่ด้านขวา เป็นต้น

หรือสถานการณ์มันคาดเดาไม่ได้ มันจะออกหัว ออกก้อย มันจะยังไง หรือ ต้องดูสถานการณ์หลายๆ อย่างพร้อมกัน สิ่งที่ต้องพิจารณาเยอะจัด ก็ส่งผลให้เราวิเคราะห์ไม่ทัน ประสิทธิภาพการตัดสินใจลดลงเช่นกัน


การเข้าใจปัจจัยทั้งภายใน และ ปัจจัยภายนอก จะช่วยให้เข้าใจ และ ออกแบบกระบวนการต่างๆ เพื่อให้คนตระหนักรู้และตัดสินใจได้ดีขึ้นครับ

5. Situation Awareness กับเรื่องต่างๆ

Situation Awareness สำคัญกับทุกคนในทุกสถานการณ์ แต่ถูกเน้นเป็นพิเศษในการอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรม ธุรกิจ หรือ ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในระยะสั้น ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของตัวเอง หรือ คนหมู่มากได้ เช่น การอบรมความปลอดภัยต่างๆ ดังนี้

การบินและการขนส่ง

มีการฝึกอบรมนักบิน ผู้ช่วยนักบิน ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Controler) เพราะ situation awareness เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ความปลอดภัยของผู้คนจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการต้องออกแบบระบบการแสดงผล การแจ้งเตือน เพื่อให้คนทำงานสามารถรับรู้สถานการณ์ได้ดีที่สุด ง่ายที่สุด เพื่อตัดสินใจให้ดีที่สุด

การแพทย์และการดูแลสุขภาพ

การอบรมทีมแพทย์และพยาบาล โดยเฉพาะในห้องฉุกเฉิน ให้มีการตระหนักรู้สถานการณ์ร่วมกันเมื่อมีผู้ป่วยมา รวมไปถึงการออกแบบฟอร์มการแสดงอาการของคนไข้ เช่น คนไข้สีแดง สีเหลือง เป็นต้น เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องรับรู้สถานการณ์ได้ดีขึ้น

การทหารและความมั่นคง

เรื่องสุดสำคัญ เพราะถ้าไม่รู้สถานการณ์ก็อาจตายยกหมู่ ยกกองร้อยได้เลย ทางการทหารจึงมีการฝึกทักษะการตระหนักรู้สถานการณ์กันครับ ถ้าดูหนังบางเรื่อง จะเห็นว่าทหารบางคนพร้อมเสมอ ทางออกอยู่ตรงไหน ถ้าหนีจะหนีทางไหน สังเกตอะไรบ้าง ฯลฯ รู้หมดตั้งแต่เดินเข้าไปในร้าน

การจัดการภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกอบรมต่อเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้คนมีทักษะการประเมินสถานการณ์เป็นสิ่งจำเป็น ที่ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การซ้อมหนีไฟ ก็เพื่อให้เกิดประสบการณ์ ซึ่งส่งผลต่อความเข้าใจและการตัดสินใจเมื่อเกิดสถานการณ์จริง เป็นต้น

การกีฬา

นักกีฬาทุกกีฬา จำเป็นต้องมีการตระหนักรู้สถานการณ์ โดยเฉพาะกีฬาต่อสู้กับคู่แข่ง ยิ่งกีฬาที่เร็วมากๆ เช่น เทเบิลเทนนิส แบดมินตัน ยิ่งต้องฝึกฝนทักษะด้าน situation awareness ให้มากๆ เพื่อที่จะตัดสินใจเลือกเล่นได้ฉลาดขึ้น ดีขึ้น

การบริหารธุรกิจและองค์กร

สำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตระหนักรู้สถานการณ์ส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ การออกแบบเครื่องมือเพื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการตลาดที่ดี จะช่วยให้เราคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น วางกลยุทธ์ธุรกิจได้ดีขึ้น เข้าใจสถานการณ์เชิงกลยุทธ์ได้ชัดเจนขึ้น

ไว้มีโอกาส จะมาเล่าในบันทึกแยกเรื่อง Situation Awareness กับการจัดการเชิงกลยุทธ์

6. สรุป Situation Awareness

Situation Awareness หรือ การตระหนักรู้สถานการณ์ คือ การที่เรารับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวเรา เข้าใจ และ คาดการณ์ผลที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนโดยเฉพาะคนที่ต้องรับผิดชอบด้านความปลอดภัย แต่เรื่อง Situation Awareness ยังสำคัญในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เรื่องการขับรถ การเล่นกีฬา การอยู่กับคนรอบข้าง ไปจนถึงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ฯลฯ

Situation Awareness พัฒนาได้ผ่านการฝึกฝน และ การออกแบบระบบด้วยความเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี การให้เด็กๆ ทุกคน คนในครอบครัว พนักงานในองค์กร และ ตัวเราเอง ได้ฝึกฝนด้าน Situation Awareness เป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าของชีวิตครับ

63636363636363636363636363

อ่านมาถึงตรงนี้ก็ต้องขอบคุณผู้อ่านมากครับ เรื่อง Situation Awareness อันที่จริงเป็นเรื่องสำคัญไม่เฉพาะเรื่องกลยุทธ์ แต่ผู้เขียนขอจัดกลุ่มไว้ใน ทักษะเชิงกลยุทธ์ (Strategic Skills) ไว้ก่อน ซึ่งเรื่อง Situation Awareness เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับทุกคนและการจัดการกลยุทธ์ธุรกิจครับ ถ้าผู้อ่านอยากอ่านเรื่องอื่นเกี่ยวกับเรื่องกลยุทธ์ (Strategy) และ business model รวมถึงเรื่องกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มเติม สามารถอ่านได้จากหน้าสารบัญ 

หากผู้อ่านอยากรู้เรื่องการจัดการกลยุทธ์แบบลึกซึ้ง สามารถติดต่อผู้เขียนเรื่องฝึกอบรมหรือการทำ workshop ได้ โดยสามารถดูรายละเอียดช่องทางการติดต่อผู้เขียนได้ที่ About ครับ

โสภณ แย้มกลิ่น (Sophon Yamklin) Avatar

References:


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *